10 คำถามของผู้สูงอายุ |
นิตยสารหมอชาวบ้าน เล่ม : 212 เดือน-ปี : 12/2539 คอลัมน์ : บทความพิเศษ นักเขียนรับเชิญ : สามมิติ ท่านคงได้อ่านบทความพิเศษเรื่องผู้สูงอายุใน “นิตยสารหมอชาวบ้าน” ฉบับเดือนตุลาคมที่ผ่านมาแล้ว และเปิดโอกาสให้ท่านผู้อ่านช่วยกันแนะนำหรือแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้สูงอายุให้กว้างขวางยิ่งขึ้น ผม เองก็จะพยายามเขียนถึงผู้สูงอายุต่อไปเท่าที่ความรู้ความสามารถอันจำกัดของ ผมจะทำได้ เพื่อวัตถุประสงค์ให้ผู้สูงอายุในเมืองไทยได้ดำรงชีวิตอยู่อย่างมีความหมาย มากขึ้น ได้รับความสนใจเอาใจใส่จากสังคมไทยมากขึ้น เพราะการเจริญชีวิตในช่วงสุดท้ายของอายุน่าจะเป็นช่วงที่ควรจะอยู่อย่างมี ความหมาย มีประโยชน์แก่ชนรุ่นหลัง ลบความรู้สึกเผินๆ ที่ว่า คนวัยนี้หมดความสำคัญในสังคม ต้องพักผ่อนอยู่กับบ้าน หรือทำอะไรตามใจชอบเพียงอย่างเดียว สภาพของผู้สูงอายุเป็นอันมากก็เลยอยู่อย่างเพียงเพื่อลืมตาขึ้นมองฟ้าแล้ว ดำเนินชีวิตตามความเรียกร้องต้องการของธรรมชาติเพียงด้านเดียว คราว นี้ผมขอนำความรู้ความคิดเห็นของ ดร.ริชาร์ด สปรอตต์ ผู้เชี่ยวชาญทางพฤติกรรมของผู้สูงอายุ ท่านทำงานอยู่ที่สถาบันผู้สูงอายุแห่งชาติ ในตำแหน่งผู้อำนวยการร่วม และรับผิดชอบพิจารณาให้รางวัลผลงานวิจัยในเรื่องนี้ด้วย ดร.สปรอตต์ เกิดที่เมืองแพนป้า รัฐฟลอริด้า ศึกษาจบปริญญาโทและเอกในสาขาวิชาพฤติกรรมทางกำเนิดจากมหาวิทยาลัยนอร์ธ แคโรไลนา เมื่อปี 1965 เป็นอาจารย์สอนจิตวิทยาและทำงานวิจัยเกี่ยวกับผู้สูงอายุ จนถึงปี 1979 ได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาสถาบันอนามัยแห่งชาติในปี 1980 ได้ย้ายเข้าประจำสถาบันผู้สูงอายุแห่งชาติ ดร.สปรอตต์ได้ตอบคำถามที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. ทำไมคนถึงกลัวความแก่ 2. การศึกษาทางอายุรศาสตร์(เรื่องความแก่)เป็นประโยชน์อย่างไรบ้าง ยกตัวอย่าง ถ้ามีหนุ่มคนหนึ่งกินข้าวโอ๊ตเป็นอาหารเช้าเป็นประจำทุกวัน แล้วคิดว่าเท่านี้ก็ช่วยให้สุขภาพดีมากแล้ว แต่ระหว่างทางจากบ้านไปทำงาน เขาสูบบุหรี่ 2-3 มวนทุกวัน แน่นอนหมอนี่ต้องได้รับบทเรียนทางลบเข้าสักวันไม่เร็วก็ช้า ชีวิตของ แต่ละคนเหมือนทอดลูกเต๋าหรือเล่นพนันอะไรสักอย่าง ทุกคนเกิดมาต่างมีส่วนประกอบทางกรรมพันธุ์ไม่เหมือนกัน เราไม่รู้ว่าเมื่อเกิดมาเรารับมรดกทางกรรมพันธุ์อะไรมาบ้าง แม้ว่าจะพอเดาได้บ้างอย่างตระกูลของผมนี่ไม่มีใครเป็นมะเร็งเลย ส่วนใหญ่ตายด้วยโรคหัวใจ ฉะนั้นผมก็ไม่น่าจะตายด้วยโรคมะเร็งมากกว่าด้วยโรคหัวใจ ถ้าเป็นอย่าง นี้ผมก็โอเค ผมจะได้รู้แนวทางปฏิบัติ แต่ประเด็นอยู่ที่ว่านี่เป็นกรรมพันธุ์ของผม ผมเปลี่ยนมันไม่ได้แต่ผมก็สามารถจัดการกับกรรมพันธุ์ของผมได้ ผมอาจเลิกสูบบุหรี่ ควบคุมน้ำหนัก ออกกำลัง 3. การต้องควบคุมตัวเองอยู่เสมอไม่เบื่อบ้างหรือ นอก นั้นผมยังต้องเรียนรู้ถึงความสำคัญของการฝึกปฏิบัติทางสมองให้เคลื่อน ไหวอยู่เสมอ คิดดูซิว่าพวกทำงานใช้กำลังกายจะมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงกว่าพวกทำงานใช้สมอง เราจึงเข้าใจกันว่า คนทำงานใช้กำลังอายุยืนกว่าคนทำงานใช้สมอง แต่จริงๆแล้วมันไม่เป็นอย่างที่เข้าใจพวกที่ทำงานใช้สมองกลับมีอายุยืนกว่า เหตุผล ก็คือพวกทำงานใช้สมองอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีกว่า มีการเอาใจใส่สุขภาพอนามัยดีกว่า สูบบุหรี่ ดื่มสุราน้อยกว่า และที่สำคัญคือมีโอกาสทำให้สมองเคลื่อนไหว ไม่อยู่นิ่ง ช่วยให้ความรู้สึกนึกคิดตื่นตัวอยู่เสมอ ถ้าอยากมีอายุยืนต้องมีครอบ ครัว การมีเพื่อนร่วมชีวิตมีอิทธิพลต่อการเจริญชีวิต มันอาจจะเป็นเพราะว่าความเป็นอยู่ในลักษณะครอบครัวดีกว่าความเป็นอยู่อย่าง คนโสด โดดเดี่ยว ที่เห็นชัดๆคือชีวิตคู่เอาชนะความเหงาความซึมเศร้าได้ ผู้หญิง มีอายุยืนกว่าผู้ชายโดยเฉลี่ย 7 ปี เหตุผลจากทางสรีรภาพและวัฒนธรรม ผู้หญิงมีโครงสร้างแข็งกว่าผู้ชาย มีงานที่ต้องเครียดน้อยกว่าผู้ชาย แต่ปัจจุบันกลับเปลี่ยนไป ถึงอย่างไรผู้หญิงก็ยังได้เปรียบกว่า มีสารอะไรบางชนิดที่คุ้มครองอยู่ ผู้หญิงมีโครโมโซม x ถึง 2 ตัว 4. คนเรากลัวสมองเสื่อม จำอะไรไม่ได้ มีปฏิกิริยาตอบโต้สิ่งต่างๆ ได้เชื่องช้า ฉะนั้น อย่างผมนี่ต้องหาวิธีแก้หรือชดเชย ตอนนี้ผมอายุ 54 ปี นอกจากผมจะต้องบันทึกประจำวันว่าวันนั้นๆ จะต้องทำอะไรบ้าง แต่บัดนี้ผมต้องมีสมุดบันทึกแยกออกไปอีกต่างหากว่าผมเก็บสมุดบันทึกที่จะ ต้องทำแต่ละวันไว้ที่ไหน ยิ่งมีความรู้มากยิ่งช่วยเราให้สามารถหาหน ทางที่ดีกว่าในการทำงานหรือแก้ไขปัญหา ประสบการณ์ช่วยเราไม่ให้หักโหมกับงานหรือปัญหาจนเกินไป ซึ่งมีผลไปถึงตอนอายุมากด้วย สภาพความจำเสื่อมอย่างช้าๆของคนเรานั้น มีส่วนเกี่ยวข้องกับความเสื่อมอย่างช้าๆ ของสมอง แต่มันไม่สลักสำคัญอะไรนักเพราะสมองมีความสามารถเกินกว่าที่เราต้องการ เราจึงไม่เดือดร้อนเมื่อมันจะเสื่อมไปบ้าง ถ้าจะมีใครเดือดร้อนเพราะ ความจำเสื่อมสาเหตุใหญ่มาจากเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจำมาก และต้องนำออกใช้เมื่อต้องการมากเกินไป เปรียบเหมือนลิ้นชักตู้เอกสารมีแฟ้มเอกสารบรรจุข้อมูลอยู่เต็มจนแน่นลิ้นชัก เวลาจะเอาข้อมูลอะไรออกมาทีจึงทำไม่ได้ง่ายๆเหมือนมีแฟ้มอยู่น้อยๆ 5. คนเราอยากมีชีวิตยืนยาวแค่ไหน คนส่วนใหญ่อยากมีอายุถึง 12o ปี แต่ก็กลัวว่า ช่วง 3o ปีสุดท้ายนี่มีหวังต้องไปอยู่สถานพยาบาล ที่ เห็นได้มากคือผู้หญิงส่วนใหญ่ต้องเข้าไปอยู่ในในสถานพยาบาลสาเหตุส่วนมากมา จากกระดูกสะโพกเคลื่อน ค่าใช้จ่ายในสถานพยาบาล จากค่าหมอ ค่ายา ค่าบำบัด ค่ากินอยู่ ฯลฯ ตกราวปีละ 14 พันล้านดอลล่าร์ ถ้าเราเอาชนะ เรื่องกระดูกของผู้สูงอายุได้เพียงเรื่องเดียว และเอาชนะแค่ครึ่งเดียว เราจะช่วยเพิ่มคุณภาพของผู้สูงอายุได้เป็นจำนวนมาก เราจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ถึงปีละ 7 พันล้านดอลล่าร์ ถ้าเราเอาชนะโรคใหญ่ๆในผู้สูงอายุได้ทีละโรค จะช่วยได้ทั้งส่วนบุคคลและส่วนรวม ช่วยประหยัดงบประมาณของประเทศได้มากทีเดียว คน อเมริกันที่อายุ 65 ปี ขึ้นไปมีถึงร้อยละ 13 ของประชาการทั้งประเทศ แต่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายด้านดูแลรักษาพยาบาลได้ถึงร้อยละ 35 ของงบประมาณในเรื่องสาธารณสุขทั้งหมด 6. สภาพของผู้สูงอายุเกี่ยวกับ 3 เอส(S) คือ SKIN = ผิวหนัง STRESS = ความเครียด และ SEX = เพศ เป็นอย่างไรบ้าง เรื่อง ผิวหนังนี่เป็นจุดที่แสดงออกถึงสภาพของผู้ป่วยได้เด่นชัดมาก ผิวหนังของมนุษย์เปรียบเหมือนนาฬิกาที่บอกเวลาอย่างเปิดเผย ผิวที่แสดงปฏิกิริยากับแสงอุลตร้าไวโอเล็ต ผิวหนังที่แตกและย่นจากการสูบบุหรี่ สารนิโคตินเป็นตัวเร่งให้ผิวหนังดูแก่เร็วขึ้น การแก้ปัญหาเรื่องโรค ผิวหนังไม่ยุ่งยากซับซ้อน อย่าตากแดดที่ร้อนจัดๆ และนานๆ อย่าสูบบุหรี่ แค่นี้ก็รักษาผิวหนังได้ ถ้าอยากให้แสงอาทิตย์สัมผัสผิวหนังของเราบ้างก็ได้โดยการใช้กระจกสะท้อนเข้า มา เท่านี้ผิวหนังก็จะพ้นอันตรายจากแสงอาทิตย์โดยตรงได้ เรื่องเครียด หรือวิตกกังวลเร่งให้คนเราดูแก่เร็วขึ้นได้มากที่สุด ยิ่งเครียดมากๆ จนเกินระดับ จะมีผลกระทบมากขึ้น มีการพิสูจน์ใหม่ว่า ถ้าเครียดพอประมาณจะช่วยให้อายุยืนขึ้น จะเห็นได้จากผู้ครองเรือนผู้มีครอบครัวจะช่วยแบ่งความเครียดกันได้ มาถึงเรื่องเพศ คุณบ๊อบ บัตเล่อร์ เขียนหนังสือขึ้นเล่มหนึ่งชื่อ “เซ็กซ์หลังหกสิบ”สรุปว่า เซ็กซ์ก็เหมือนสมอง ถ้าไม่ได้ใช้มันจะค่อยๆฝ่อ หมดสภาพไป ใน ด้านสรีรศาสตร์แล้ว ไม่เห็นมีเหตุผลใดที่จะไปรังเกียจหรือต่อต้านเรื่องเพศ ผู้หญิงหลังวัยหมดประจำเดือนจะรู้สึกผ่อนคลายไร้กังวลเมื่อมีเพศสัมพันธ์ (อย่างที่เรียกกันว่า “วัยทอง”) แม้จะมีปัญหาเรื่องช่องคลอดอาจแห้ง ปริมาณอสุจิของผู้ชายจะน้อยลง แต่คนอายุ 8o-9o ปีแล้ว ก็ยังแสดงพลังทางเพศได้อยู่ มีการพูดกันแบบติดตลกว่า เรื่องของความจำยอมให้เสื่อมหรือหมดไปได้ แต่เรื่องเพศต้องรักษาไว้ให้กระปรี้กระเปร่าอยู่จนตลอดชีวิต 7. อะไรที่ผู้สูงอายุควรรักษาไว้เป็นอันดับแรก อันดับสองและสาม
8. เรื่องหลับยากล่ะ สาเหตุก็คือ ลานนาฬิกาของเราหย่อนยานลงไปทุกขณะ มันชอบปลุกให้เราตื่นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา เมื่อหลับไม่พอตอนกลางคืน พอสายๆ หรือตกบ่าย หรือพอหัวค่ำเราก็ง่วงและผล็อยหลับไป สภาพเช่นนี้ถูกซ้ำ เติมจากคนที่มีกระเพาะปัสสาวะเล็กกว่าปกติ โดยเฉพาะในผู้ชายต้องเข้าห้องน้ำบ่อยขึ้น แล้วหลับต่อไม่ได้ ผู้หญิงก็มีปัญหาเหมือนกัน เมื่ออายุมากขึ้นเวลาหัวเราะหรือไอหนักๆ จะกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ จะเล็ดลอดออกมามากบ้างน้อยบ้าง แต่ก็อาจรักษาอาการเช่นนี้ได้โดยการฝึกด้วยวิธีเฉพาะ 9. ปัจจุบันค้นพบอะไรที่น่าตื่นเต้นเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ต้อง เข้าใจว่า นี่หมายถึงร่างกกายรับแคลอรีเข้าไปไม่ใช่รับอาหาร ร่างกายมนุษย์จำเป็นต้องได้รับวิตามินแร่ธาตุต่างๆจากอาหาร การจำกัดแคลอรีโดยไม่คำนึงถึงความเหมาะสมของสภาพร่างกายเป็นอันตรายมาก ต่อไปก็คือเรื่องเกี่ยวกับยีน ส่วนประกอบของร่างกายที่เป็นส่วนสำคัญตามธรรมชาติต่อขบวนการของอายุขัย คง ไม่ใช่เป็นการบังเอิญที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า สุนัขมีอายุระหว่าง 7-17 ปี ม้ามีอายุระหว่าง 17-25 ปี ส่วนมนุษย์ ปรากฏว่า อายุมากกว่า 3 เท่า บวกอีก 1o ปี ปัจจุบันเฉลี่ยอายุสูงสุดของมนุษย์ตรงกับที่พระคัมภีร์บันทึกไว้ มีคนจำนวนน้อยมากที่อายุยืนยาวกว่านี้ 10. ได้บทสรุปอะไรบ้างเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ผม เรียนรู้ว่า การจะเจริญชีวิตอย่างสัมฤทธิ์ผลก็คือต้องพอใจในชีวิต มีความสนุก ความสุขกับชีวิต และต้องรักษาสภาพเช่นนี้ไว้ให้คงอยู่ตลอดชีวิต ผม ยังเรียนรู้อีกว่า การค้นคว้าวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ต้องมุ่งไปที่การป้องกันโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้นกับผู้สูงอายุมากกว่าจะไป เรียนรู้วิธีเยียวยารักษาโรคนั้นๆ คุณภาพชีวิตของมนุษย์จะดีขึ้น ถ้าเรายึดมั่นในแนวทางนี้เราจะพบคนพิการ คนที่ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยไข้เจ็บน้อยลง ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น ใน ที่สุดผมหวังว่าประชาชนของเราจะปฏิบัติตนเหมือนประชาชนของรัฐฮาวาย ชาวฮาวายจะไม่ยอมให้ผู้สูงอายุยืนอยู่ท้ายแถวตามป้ายรถประจำทางทุกคนจะหลีก ทางให้ผู้สูงอายุได้ขึ้นรถเป็นคนแรก เขาให้ความเคารพนับถือและเอื้ออาทรต่อผู้สูงอายุมาก ผมขอให้สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นที่นี่ก่อนที่ผมจะมีอายุถึงวัยนั้น |